คุณกำลัง'เสพติด' ความเครียด อยู่หรือไม่?
คุณกำลัง'เสพติด' ความเครียด อยู่หรือไม่?
หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้มีโอกาสใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อันแสนวุ่นวาย มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในขณะที่หลายคนเลือกที่จะหลบหนีความวุ่นวาย บางคนก็ชอบความตื่นเต้นและความท้าทายของการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ที่ไหนจะต้องฝ่าขบวนรถติดในตอนเช้าทุกวันเพื่อที่จะไปทำงานและเข้าห้องประชุมให้ทันเวลา อีกทั้งยังต้องเร่งทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จตามกำหนด ความเครียดจากพฤติกรรมเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นบ่อยครั้งก็จะกลายเป็นอาการ 'เสพติด' ชนิดหนึ่ง คล้ายกับที่พบได้ในคนที่ติดออกกำลังกายอย่างหนัก ที่เรียกว่า ภาวะ 'เสพติดความเครียด' (Adrenal addict) คนส่วนมากที่มีภาวะนี้ในระยะแรก มักจะยังไม่รู้ตัวเนื่องจากร่างกายมีความทนทานสูงต่อกับความเครียดที่เข้ามาในแต่ละวัน รู้ตัวอีกทีก็ล้มป่วย ติดเชื้อเฉียบพลันจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทางการแพทย์ เราเรียกอาการนี้ว่า 'ภาวะต่อมหมวกไตล้า' หรือ 'Adrenal fatigue '
คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยงต่อภาวะ 'ต่อมหมวกไตล้า'?
ถ้าคุณมีอาการผิดปกติที่ตรงกับ อาการแสดง ด้านล่างอย่างน้อย5ข้อ คุณกำลังมีความเสี่ยงสูง
* ขี้เกียจตื่นนอนตอนเช้า
* อ่อนเพลีย ไม่มีแรง อยากงีบหลับ ช่วงกลางวัน
* ง่วงแต่นอนไม่หลับ
* มีอาการวิงเวียน ศีรษะ หน้ามือ เวลาเปลี่ยนท่าทาง (ลุก-นั่ง)
* อยากของหวาน, ของเค็ม
* ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
* ปวดประจำเดือนบ่อย
* ป็นภูมิแพ้กำเริบบ่อยๆ
* ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
* ท้องผูก
* เครียด ซึมเศร้า
* คุมอาหาร ออกกำลังการเป็นประจำแต่นำ้หนักไม่ลดลง
* รู้สึก'ดีขึ้นทันที'เมื่อได้กินนำ้ตาล
* ผิวแห้งและแพ้ง่าย
ภาวะ'ต่อมหมวกไตล้า' เป็นอาการผิดปกติของร่างกายอย่างหนึ่งที่มีความเครียดเรื้อรังเป็นตัวกระตุ้น โรคนี้จัดอยู่ในกลุ่ม'โรคที่ถูกลืม' เนื่องจากภาวะนี้ มักจะไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องและทันท่วงที่ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเจาะเลือดตรวจสุขภาพทั่วไป ที่ไม่เพียงพอสำหรับการวินิจฉัยภาวะนี้
ในการวินิจฉัย ภาวะต่อมหมวกไตล้า จะต้องมีวัดระดับของฮอรโมนต่อมหมวกไต(Adrenal hormones) 2ตัว ที่มีชื่อว่า คอร์ติซอล (Cortisol) และ ดีเอชอีเอ (Dyhydroepiandrosterone-DHEA) ซึ่งสามารถวัดได้จากผลเลือด
Cortisol และ DHEAคือ ฮอร์โมนแห่ง'ความเครียด'ในร่างกายมนุษย์ ปัจจุบันนี้ การรักษาภาวะต่อมหมวกไตล้าจะมุ่งเน้นไปที่การปรับให้ฮอรโมน2ตัวนี้ให้อยู่ระดับที่สมดุล
Cortisol มีหน้าที่อะไร
Cortisol คือฮอร์โมนความเครียดตัวหลักของร่างกาย (Stress hormone) ปกติร่างกายจะหลั่งออกมาปริมาณมากที่สุดในตอนเช้า ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น และมีพลังต่อสู้ในวันใหม่ของทุกวัน และจะลดลงเหลือเพียง 10% ในช่วงเย็น ��นอกจากนี้ ในสถานการณ์คับขัน Cortisol ยังมีหน้าที่กระตุ้นให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและอัตราการเต้นหัวใจเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมร่างกายให้ต่อสู้กับปัญหาข้างหน้า แต่ถ้าเรามีความเครียดสะสมเรื้อรัง จาก การทำงานหนักมากเกินไป พักผ่อนไม่พอ หรือ ออกกำลังกายเกินพอดี ระดับ Cortisol ที่สูงขึ้นจะเริ่มส่งผลเสียต่อร่างกาย เนื่องจาก ฮอร์โมนตัวนี้มีฤทธิ์ ในการสลายและทำลายล้าง (Catabolic hormone) ทำให้ร่างกายเสื่อมและแก่เร็ว แต่ถ้ามีน้อยไป ก็จะทำให้ ไม่มีแรงลุกขึ้นจากที่นอนตอนเช้า ขาดความกระตือรือร้นและอ่อนเพลียตอนกลางวัน
DHEA มีหน้าที่อะไร
DHEA คือฮอร์โมนเพศชนิดหนึ่งที่เป็นฮอร์โมนตั้งต้นของทั้งฮอร์โมนเพศหญิงและเพศชาย (Pre-sex hormones) และยังเป็น ฮอร์โมนต้านความเครียด (Anti-stress hormones) ที่มีฤทธิ์ในการเสริมสร้าง(Anabolic hormone) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย (Stamina) กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ (Libido) และชะลอความเสื่อมของร่างกาย (Delay aging) ที่สำคัญ ยังช่วยต้านฤทธิ์ของ Cortisol เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะเครียด
คำแนะนำสำหรับ คนที่ มีภาวะ ต่อมหมวกไตล้า
* นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชัวโมง ควรเข้านอนก่อน 5 ทุ่ม
* รับประทานอาหารเช้า ก่อน 10.00 น. (หลัง 10.00น. ระดับCortisol จะลดลง ทำให้ยิ่งอ่อนเพลีย Cortisol จะทำงานดีขึ้นเมื่อมีน้ำตาลในเลือดเพียงพอ)
* รับประทานมื้อเล็กๆและบ่อย ๆ แทนการทานอาหารมื้อหลัก ๆ เพียง1-2 มื้อ
* ออกกำลังกายแบบหนักปานกลาง (Moderate intensity exercise) การออกกำลังกายที่หนักเกินไปจะส่งผลให้ต่อมหมวกไตล้ามากยิ่งขึ้น
* หาวิธีคลายความเครียด เช่น หางานอดิเรกทำ เดินทางไปเที่ยว
* อาหารเสริมและสมุนไพรบางชนิดสามารถช่วยลดอาการต่อมหมวกไตล้าได้ เช่น Ashwaghandha (โสมอินเดีย) L-theanine (สารสกัดจากชาเขียว) Phosphatidylserine (สารสกัดจากถั่วเหลือง) วิตามิน C วิตามิน B3 วิตามิน B5 วิตามิน B6
อ่านนิตยสาร Health Bring Wealth Issue 10 ฉบับเต็ม ได้ที่ http://digital.bookkurry.com/dishes/lt/health_brings_wealth
ข้อมูลโดย: สมาคมแพทย์ฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการศึกษาโรคอ้วน (BARSO) และ ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ